เช็คลิสต์พฤติกรรมเสี่ยง ทำร้ายสุขภาพหัวใจ

หัวใจ เป็นอวัยวะสำคัญ ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่กระนั้นคนเราก็ไม่วายที่จะลืมดูแลทะนุถนอม โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยทำงานที่มักจะเผลอทำพฤติกรรมแย่ๆ ทำร้ายหัวใจอยู่บ่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็ส่งผลเสียถึงขั้นเสียชีวิต!


7 พฤติกรรมยอดแย่ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจทั้งหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ


1.กินเค็ม หรือ เสพติดอาหารแช่แข็ง
การกินเค็ม ไม่ใช่แค่รสชาติเค็มเสมอไป แต่ยังรวมไปถึงการบริโภคโซเดียมที่มากกว่า 5 กรัมต่อวัน ไม่ว่าจะมาจากเครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว หรืออาหารแปรรูปต่างๆ ตลอดจนอาหารแช่แข็ง ซึ่งอาหารพวกนี้หากทานเข้าไปในปริมาณที่มากๆ ก็จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา

 

2.กินชา กาแฟ ทุกวัน
ชา กาแฟ นี่ถือว่าเป็นไอเท็มเด็ดที่ชาววัยทำงานแทบจะขาดไม่ได้เลย บางคนถึงขั้นเสพติด ต้องกินทุกวัน ทั้งเช้า ทั้งบ่าย แม้ว่าการบริโภคน้ำตาลที่เหมาะสม คือ ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชาต่อวัน และยังไม่นับรวมปริมาณน้ำตาลในอาหารจานโปรดอีก แค่นี้ก็รับน้ำตาลเข้าร่างกายเกินกว่าที่องค์การอนามัยแนะนำแล้ว

 

3.ทานอาหารฟาสต์ฟู้ด
สำหรับวัยทำงานที่ต้องต่อสู้กับความเร่งรีบ การทานอาหารฟาสต์ฟู้ด ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ แม้จะรู้ดีว่าอาหารพวกนี้มีส่วนผสมจากน้ำมันสูงมาก หากทานเข้าไปเยอะๆ ก็อาจเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน โรคหัวใจ เป็นต้น แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะดีกว่า

4.สูบบุหรี่
ชีวิตการทำงานเต็มไปด้วยความเครียด ทำให้บางคนหันมา สูบบุหรี่ แก้เครียด ซึ่งจากรายงาน การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 2.4 เท่า และโดยเฉลี่ยแล้วการสูบบุหรี่ยังส่งผลให้หลอดเลือดเสื่อม เกิดการตีบตันเร็วกว่าปกติถึง 10-15 ปี เลยทีเดียว


5.เสพติดแอลกอฮอลล์
หากคุณคือหนุ่มสาวที่เสพติดการปาร์ตี้ เลิกงานต้องชนแก้ว วันหยุดก็ต้องชนแก้ว ควรปรับพฤติกรรมด่วน เพราะการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น อาจเกิดภาวะอ้วน นำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง และเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดสมองตีบ แตก หรือหัวใจล้มเหลวได้

 

6.ทำงานหนัก จนไม่มีเวลาพักผ่อน
กลุ่มวัยทำงานบางคน จะเป็นประเภททุ่มเทกับการทำงานมากเกินไป ทำงานโต้รุ่ง ไม่ยอมหลับนอน ซึ่งมันอาจจะส่งผลเสียสุขภาพและหัวใจ เพราะร่างกายถูกออกแบบมาให้พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายสมดุล หากคุณยังทำพฤติกรรมแบบนั้นอาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน หรือ หัวใจวาย ได้

 

7.ไม่ออกกำลังกาย
เหตุผลหลักๆ ที่หนุ่มสาววัยทำงานไม่ออกกำลังกาย พวกเขามักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีเวลา ! เพราะแค่ทำงานก็ไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ไหนจะต้องพบปะเข้าสังคมอีก เลิกเอาเหตุผลพวกนั้นมาเป็นข้ออ้าง เพราะการไม่ออกกำลังกายเลย จะส่งผลให้ร่างกายเสื่อมก่อนวัย ซึ่งการออกกำลังกายนอกจากจะทำให้คุณแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อยแล้ว ยังช่วยเพิ่มไขมันดี ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือได้อีกด้วย

 

สำหรับใครที่กำลังทำพฤติกรรมแบบที่กล่าวมาข้างต้นอยู่ละก็ ลด ละ เลิก ด่วน แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ควรทำในปริมาณที่พอเหมาะ หรือจะลองหาตัวช่วยดีๆ มาช่วยดูแลสุขภาพหัวใจด้วยก็ไม่เสียหาย เช่น

 

1.โคเอนไซม์ คิว-10 (Coenzyme Q-10)
เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายเรา ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นเอนไซม์หลักในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้เป็นพลังงานแก่อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง และสามารถป้องกันการเกิดหัวใจล้มเหลวได้อีกด้วย

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม >> https://www.gnc.co.th/q10-30mg-60cap.html

2.น้ำมันคริลล์ (Krill Oil )

เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วในกลุ่มเดียวกับกุ้งขนาดเล็ก (Crustaceans) มักอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกของมหาสมุทรแอนตาร์คติก อุดมไปด้วย Omega-3, Omega-6, Omega-9 ช่วยลดปัญหาไขมันในเลือดสูง ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจ ลดปวดอักเสบตามข้อต่อ รวมทั้งผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ บำรุงสมองและระบบประสาท

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม >> https://www.gnc.co.th/krill-oil-1000mg-30sg.html

3. น้ำมันปลา (Fish Oil)

น้ำมันปลา แหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มโอเมก้า 3 ประกอบด้วย EPA ที่มีส่วนสำคัญในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอร์ไรด์ มีฤทธิ์ต้านกระบวนการอักเสบ ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด สาเหตุหนึ่งของหลอดเลือดอุดตัน และ DHA ที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการของสมองและสายตา

ข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม >> https://www.gnc.co.th/goals/cardiovascular-support/blood-lipid-control.html

นอกจากการมีตัวช่วยดีๆ มาดูแลเบื้องต้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ “การตรวจสุขภาพประจำปี” เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรกับเราบ้าง รีบหันมาดูแลตัวเองแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะสายเกินไป...

ขอบคุณข้อมูลจาก รพ.พญาไท